พระราชบัญญัติ
สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า
พ.ศ. 2535
---------------------------
ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร.
ให้ไว้ ณ วันที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2535
เป็นปีที่ 47 ในรัชกาลปัจจุบัน
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโอง การโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า
โดยที่เป็น การสมควรปรับปรุงกฎหมายว่าด้วย การสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า
จึงมีพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชบัญญัติขึ้นไว้โดยคำแนะนำและคำยินยอมของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ทำหน้าที่รัฐสภา ดังต่อไปนี้
มาตรา 1 พระราชบัญญัตินี้เรียกว่า " พระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2535 "
มาตรา 2 พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
มาตรา 3 ให้ยกเลิก
(1) พระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2503
(2) ประกาศคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 228 ลงวันที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2515
มาตรา 4 ในพระราชบัญญัตินี้
"สัตว์ป่า" หมายความว่า สัตว์ทุกชนิดไม่ว่าสัตว์บก สัตว์น้ำ สัตว์ปีก แมลง หรือแมง ซึ่งโดยธรรมชาติย่อมเกิดและดำรงชีวิตอยู่ในป่า หรือในน้ำ และให้หมายความรวมถึงไข่ของสัตว์ป่าเหล่านั้นทุกชนิดด้วย แต่ไม่ได้หมายความรวมถึงสัตว์พาหนะที่ได้จดทะเบียนทำตั๋วรูปพรรณตามกฎหมายว่าด้วยสัตว์พาหนะแล้ว และสัตว์พาหนะที่ได้มาจาก การสืบพันธุ์ของสัตว์พาหนะดังกล่าว
"สัตว์ป่าสงวน" หมายความว่า สัตว์ป่าที่หายากตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัติฉบับนี้ และตามที่จะกำหนด โดยตราเป็นพระราชกฤษฎีกา
"สัตว์ป่าคุ้มครอง" หมายความว่า สัตว์ป่าตามที่กฎกระทรวงกำหนดให้เป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง
"ล่า" หมายความว่า เก็บ ดัก จับ ยิง ฆ่า หรือทำอันตรายด้วยประ การอื่นใดแก่สัตว์ป่าที่เจ้าของและอยู่อย่างเป็นอิสระ และหมายความรวมถึง การล่าไล่ การต้อน การเรียก หรือ การล่อเพื่อ การกระทำดังกล่าวด้วย
"ซากของสัตว์ป่า" หมายความว่า ร่างกาย หรือส่วนของร่างของสัตว์ป่าที่ตายแล้ว หรือเนื้อของสัตว์ป่า ไม่ว่าจะได้ปิ้ง ย่าง รม ตากแห้ง หมัก หรือทำอย่างอื่นเพื่อไม่ให้เน่าเปื่อย ไม่ว่าจะชำแหละ แยกออก หรืออยู่ในร่างของสัตว์นั้น และหมายความรวมถึง เขา หนัง กระดูก ฟัน งา ขนาย นอ เกล็ด เล็บ กระดอง เปลือก หรือส่วนต่างๆ ของสัตว์ป่าที่แยกออกจากร่างของสัตว์ป่าไม่ว่าจะยังมีชีวิตอยู่ หรือตายแล้ว
"เพาะพันธุ์" หมายความว่า ขยายพันธุ์สัตว์ป่าที่นำมาเลี้ยงไว้ด้วย การขยายพันธุ์สัตว์ป่า และหมายความรวมถึงขยายพันธุ์สัตว์ป่าด้วยวิธีผสมเทียม หรือย้ายฝากตัวอ่อนด้วย
"ค้า" หมายความว่า ซื้อ ขาย แลกเปลี่ยน จำหน่าย จ่าย แจก หรือโอนกรรมสิทธิ์ ทั้งนี้ เพื่อประโยชน์ทาง การค้า และหมายความรวมถึง มี หรือแสดงไว้เพื่อขายด้วย
"นำเข้า" หมายความว่า นำ หรือสั่งเข้าในราชอาณาจักร
"ส่งออก" หมายความว่า นำ หรือส่งออกราชอาณาจักร
"นำผ่าน" หมายความว่า นำ หรือส่งผ่านราชอาณาจักร
"ด่านตรวจสัตว์ป่า" หมายความว่า ด่านตรวจสัตว์ป่า หรือซากของสัตว์ป่า
"สวนสัตว์สาธารณะ" หมายความว่า สถานี หรือบริเวณรวบรวมสัตว์ป่าไว้เพื่อประโยชน์แก่ การพักผ่อนหย่อนใจ การศึกษา การค้นคว้าวิจัยของประชาชน และ เป็นแหล่งเพาะพันธุ์สัตว์ป่า
"พนักงานเจ้าหน้าที่" หมายความว่า ผู้ซึ่งรัฐมนตรีแต่งตั้งให้ปฏิบัติ การตามพระราชบัญญัตินี้
"อธิบดี " หมายความว่า อธิบดีกรมป่าไม้ หรืออธิบดีกรมประมงเฉพาะที่เกี่ยวกับ
สัตว์น้ำ
"คณะกรรม การ" หมายความว่า คณะกรรม การสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่าแห่งชาติ
"รัฐมนตรี" หมายความว่า รัฐมนตรีผู้รักษา การตามพระราชบัญญัตินี้
มาตรา 5 ให้รัฐมนตรีว่า การกระทรวงเกษตรและสหกรณ์รักษา การตามพระราชบัญญัตินี้ และให้มีอำนาจแต่งตั้งพนักงานเจ้าหน้าที่กับออกกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียมไม่เกินอัตราท้ายพระราชบัญญัตินี้ ลด หรือยกเว้นค่าธรรมเนียม และกำหนดกิจกรรมอื่นเพื่อปฏิบัติ การตามพระราชบัญญัตินี้
กฎกระทรวงนั้น เมื่อได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้วให้ใช้บังคับได้
หมวด 1
บททั่วไป
---------------
มาตรา 6 การกำหนดให้สัตว์ป่าชนิดใดเป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง ให้กระทำโดยกฎกระทรวง และโดยความเห็นชอบของคณะกรรม การ
กฎกระทรวงที่ออกตามวรรคหนึ่งจะให้บังคับตั้งแต่วันใดให้กำหนดไว้ในกฎกระทรวงนั้น แต่จะกำหนดให้ใช้บังคับก่อนหกสิบวันนับตั้งแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษามิได้
มาตรา 7 ผู้ใดล่าสัตว์ป่าโดยฝ่าฝืนต่อบทแห่งพระราชบัญญัตินี้ ด้วยความจำเป็นและภายใต้เงื่อนไขดังต่อไปนี้ ผู้นั้นไม่ต้องรับโทษ
(1) เพื่อให้ตนเองและผู้อื่นพ้นจากอันตราย หรือเพื่อสงวน หรือรักษาไว้ซึ่งทรัพสินของตน
หรือผู้อื่น
(2) การล่านั้นได้กระทำพอสมควรแก่เหตุ และ
(3) ในกรณีที่สัตว์ถูกล่านั้นเป็นสัตว์ป่าสงวน หรือสัตว์ป่าคุ้มครอง มิได้นำสัตว์ป่าที่ถูกล่า หรือซากสัตว์ป่าที่ถูกล่านั้นเคลื่อนที่ และได้แจ้งเหตุที่ได้ล่าสัตว์ป่าไปแล้วนั้นให้พนักงานเจ้าหน้าที่ทราบโดยไม่ชักช้า
ให้สัตว์ป่า หรือซากของสัตว์ป่าที่ถูกล่าตามวรรคหนึ่งตกเป็นของแผ่นดิน และให้กรมป่าไม้ หรือกรมประมง แล้วแต่กรณี นำไปดำเนิน การตามระเบียบที่อธิบดีกำหนด โดยความเห็นชอบของคณะกรรม การ
มาตรา 8 การพิจารณาคำขออนุญาตตามพระราชบัญญัตินี้ ผู้มีอำนาจอนุญาตจะต้องดำเนิน การพิจารณา และแจ้งผล การพิจารณาคำขอให้ผู้ยื่น ทราบภายในหกสิบวันนับแต่วันได้รับคำขออนุญาต และถ้ามิได้แจ้งผล การพิจารณาคำขอให้ผู้ยื่นคำขอทราบภายในกำหนดเวลาดังกล่าว ให้ถือว่าผู้มีอำนาจอนุญาตมีคำสั่งอนุญาตตามคำขอและต้องออกใบอนุญาตให้แก่ผู้ยื่นคำขอนั้น
เว้นแต่พระราชบัญญัติฉบับนี้จะได้กำหนดอายุใบอนุญาตไว้เป็นอย่างอื่น ใบอนุญาต หรือใบรับรองที่ออกตามพระราชบัญญัตินี้ ให้ใช้ได้ตามระยะเวลาที่กำหนดไว้ในใบอนุญาต ถ้าผู้ได้รับใบอนุญาตประสงค์ขอต่ออายุใบอนุญาตให้ยื่นคำขอเสียก่อนใบอนุญาตสิ้นอายุ เมื่อได้ยื่นคำขอต่ออายุใบอนุญาตแล้ว จะประกอบกิจ การต่อไปก็ได้จนกว่าผู้มีอำนาจอนุญาตจะสั่งไม่ต่ออายุใบอนุญาตให้
การต่ออายุใบอนุญาต การโอนใบอนุญาต หรือใบรับรอง การออกใบแทนใบอนุญาต หรือใบรับรองตามพระราชบัญญัตินี้ ให้เป็นไปตามกฎเกณฑ์ วิธี การ และเงื่อนไขที่กำหนดในกฎกระทรวง
หมวด 2
คณะกรรม การสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่าแห่งชาติ
--------------------------------
มาตรา 9 ให้มีคณะกรรม การคณะหนึ่งเรียกว่า " คณะกรรม การสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่าแห่งชาติ " ประกอบด้วย รัฐมนตรีว่า การกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธาน ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ปลัดกระทรวง การต่างประเทศ อธิบดีกรม การปกครอง อธิบดีกรมที่ดิน อธิบดีกรมประมง อธิบดีกรมปศุสัตว์ อธิบดีกรมศุลกากร อธิบดีกรม การค้าต่างประเทศ เป็นกรรม การโดยตำแหน่ง และกรรม การผู้ทรงคุณวุฒิอื่นอีกไม่น้อยกว่าห้าคนแต่ไม่เกินสิบเอ็ดคน ซึ่งคณะรัฐมนตรีแต่งตั้ง และให้อธิบดีกรมป่าได้เป็นคณะกรรม การและเลขานุ การ
กรรม การผู้ทรงคุณวุฒิตามวรรคหนึ่ง ให้แต่งตั้งจากผู้แทนสมาคม หรือมูลนิธิที่เกี่ยวข้องกับสัตว์ป่าไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของคณะกรรม การผู้ทรงคุณวุฒิที่ได้รับแต่งตั้ง
มาตรา 10 กรรม การซึ่งคณะรัฐมนตรีแต่งตั้งอยู่ในตำแหน่งคราวละสองปี กรรม การซึ่งพ้นจากตำแหน่งอาจได้รับแต่งตั้งอีกได้
มาตรา 11 นอกจากตำแหน่งพ้นตามวาระตามมาตรา 10 กรรม การซึ่งคณะรัฐมนตรีแต่งตั้งพ้นจากตำแหน่ง เมื่อ
(1) ตาย
(2) ลาออก
(3) คณะรัฐมนตรีให้ออก
(4) ถูกศาลสั่งให้เป็นผู้ไร้ความสามารถ หรือเสมือนคนไร้ความสามารถ หรือ
(5) ถูกจำคุกโดยคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก เว้นแต่เป็นความผิดอันได้กระทำโดยประมาท หรือความผิดลหุโทษ
ในกรณีที่กรรม การพ้นจากตำแหน่งก่อนวาระ คณะรัฐมนตรีอาจแต่งตั้งผู้อื่นเป็นกรรม การแทนได้ และให้ผู้ซึ่งได้รับแต่งตั้งอยู่ในตำแหน่งเท่ากับวาระที่เหลืออยู่ของกรรม การซึ่งแต่งตั้งไว้แล้ว
มาตรา 12 การประชุมคณะกรรม การ ถ้าประธานกรรม การไม่มาประชุม หรือไม่อยู่ในที่ประชุม ให้คณะกรรม การเลือกกรรม การคนหนึ่ง เป็นประธานในที่ประชุม
การวินิจฉัยชี้ขาดในที่ประชุม ให้ถือเสียงข้างมาก
กรรม การคนหนึ่งให้มีเสียงหนึ่งเสียงใน การลงคะแนน ถ้าคะแนนเสียงเท่ากัน ให้ประธานในที่ประชุมออกเสียงเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งเสียงเป็นเสียงชี้ขาด
มาตรา 13 การประชุมคณะกรรม การต้องมีกรรม การใน การประชุมไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนทั้งหมด จึงเป็นองค์ประชุม
มาตรา 14 คณะกรรม การจะตั้งอนุกรรม การเพื่อพิจารณา หรือปฏิบัติ การอย่างหนึ่งอย่างใดตามที่คณะกรรม การมอบหมายก็ได้
มาตรา 15 คณะกรรม การมีอำนาจหน้าที่ดังต่อไปนี้
(1) ให้ความเห็นชอบใน การกำหนดเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าตามมาตรา 33 การกำหนดเขตห้ามล่าสัตว์ป่า และ การกำหนดชนิด หรือประเภทของสัตว์ป่าที่จะห้ามล่าในเขตนั้น ตามมาตรา 42
(2) ควบคุมให้เป็นไปตามมาตรา 34
(3) กำหนดกิจ การอันพึงกระทำเพื่อประโยชน์ใน การบำรุงรักษาเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าและเขตห้ามล่าสัตว์ป่า
(4) ให้ความเห็นชอบกับเกี่ยวกับ การออกพระราชกฤษฎีกา กฎกระทรวง และระเบียบเพื่อปฏิบัติ การตามพระราชบัญญัตินี้
(5) กำหนดหลักเกณฑ์ใน การตรวจสอบ และติดตาม การปฏิบัติ การให้เป็นไปตามประราชบัญญัตินี้
(6) ปฏิบัติ การอื่นใดที่กฎหมายกำหนดให้เป็นหน้าที่ของคณะกรรม การ
หมวด 3
การล่า การเพาะพันธุ์ การครอบครอง และ การค้าซึ่งสัตว์ป่า
ซากของสัตว์ป่าและผลิตภัณฑ์ที่ทำจากซากของสัตว์ป่า
-------------------------------------------
มาตรา 16 ห้ามมิให้ผู้ใดล่า หรือพยายามล่าสัตว์ป่าสงวน หรือสัตว์ป่าคุ้มครอง เว้นแต่เป็น การกระทำโดยทางราช การที่ได้ยกเว้นตามมาตรา 16
มาตรา 17 ให้รัฐมนตรีโดยความเห็นชอบโดยคณะกรรม การ มีอำนาจกำหนดชนิดของสัตว์ป่าคุ้มครองให้เป็นสัตว์ป่าชนิดที่เพาะพันธุ์ได้ โดยกำหนดเป็นกฎกระทรวง
มาตรา 18 ห้ามมิให้ผู้ใดเพาะพันธุ์สัตว์ป่าสงวน หรือสัตว์ป่าคุ้มครอง เว้นแต่
(1) เป็น การเพาะพันธุ์สัตว์ป่าคุ้มครองชนิดที่กำหนดตามมาตรา 17 โดยได้รับอนุญาตให้เพาะพันธุ์จากอธิบดี
(2) เป็น การเพาะพันธุ์สัตว์ป่าสงวน หรือสัตว์ป่าคุ้มครองของผู้ได้รับใบอนุญาตจัดตั้ง และดำเนินกิจ การสวนสัตว์สาธารณะตามมาตรา 29 ซึ่งได้รับอนุญาตจากอธิบดีให้เพาะพันธุ์สัตว์ป่าสงวน หรือสัตว์ป่าคุ้มครองที่อยู่ใน การครอบครอง เพื่อประโยชน์แก่กิจ การสวนสัตว์สาธารณะของตน
การอนุญาตและ การขออนุญาตให้เพาะพันธุ์สัตว์ตามวรรคหนึ่ง และ การได้มาซึ่งสัตว์ป่าคุ้มครองเพื่อ การเพาะพันธุ์ของผู้ได้รับใบอนุญาตตาม (1) ให้เป็นไปตามเกณฑ์ วิธี การ และเงื่อนไขที่กำหนดในกฎกระทรวง และผู้ได้รับใบอนุญาตต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดในกฎกระทรวงและเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในใบอนุญาต
ใบอนุญาตตาม (1) และ (2) ให้สิ้นอายุลงเมื่อผู้ได้รับใบอนุญาตได้แจ้ง การเลิก การดำเนิน การเพาะพันธุ์สัตว์ป่าที่ได้รับอนุญาตต่ออธิบดีตามวิธี การที่กำหนดในกฎกระทรวง
มาตรา 19 ห้ามมิให้ผู้ใดมีไว้ในครอบครองซึ่งสัตว์ป่าสงวน สัตว์ป่าคุ้มครอง ซากสัตว์ป่าสงวน หรือซากสัตว์ป่าคุ้มครอง เว้นแต่จะเป็นสัตว์ป่าคุ้มครองชนิดที่กำหนดตามมาตรา 17 ที่ได้มาจาก การเพาะพันธุ์ หรือซากของสัตว์ป่าดังกล่าว และโดยต้องได้รับอนุญาตจากอธิบดีและต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดในกฎกระทรวงและเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในใบอนุญาต
การขออนุญาตและ การอนุญาต ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธี การ และเงื่อนไข ที่กำหนดในกฎกระทรวง
ความในวรรคหนึ่งและวรรคสอง มิให้ใช้บังคับแก่
(1) การครอบครองสัตว์ป่าคุ้มครองของผู้ได้รับใบอนุญาตเพาะพันธุ์ตามมาตรา 18(1) ที่มีไว้เพื่อ การเพาะพันธุ์ หรือได้มาจาก การเพาะพันธุ์ หรือซากของสัตว์ป่าดังกล่าว
(2) การครอบครองสัตว์ป่าสงวน สัตว์ป่าคุ้มครอง ซากของสัตว์ป่าสงวน หรือซากของสัตว์ป่าคุ้มครอง เพื่อกิจ การสวนสัตว์สาธารณะของผู้รับใบอนุญาตให้จัดตั้ง และดำเนินกิจ การสวนสัตว์สาธารณะตาม
มาตรา 29 และได้จัดแสดงไว้ในสวนสัตว์สาธารณะที่ได้รับ การอนุญาตให้จัดตั้ง
มาตรา 20 ห้ามมิให้ผู้ใดค้าสัตว์ป่าสงวน สัตว์ป่าคุ้มครอง ซากสัตว์ป่าสงวน หรือซากสัตว์ป่าคุ้มครอง หรือผลิตภัณฑ์ที่ทำจากซากของสัตว์ป่าดังกล่าว เว้นแต่เป็น การค้าสัตว์ป่าคุ้มครองชนิดที่กำหนดตามมาตรา 17 ที่ได้มาจาก การเพาะพันธุ์ ซากของสัตว์ป่าดังกล่าว หรือผลิตภัณฑ์ที่ทำจากซากสัตว์ป่าดังกล่าว ทั้งนี้ โดยได้รับอนุญาตจากอธิบดี
การขออนุญาตและ การอนุญาต ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธี การ และเงื่อนไขที่กำหนดในกฎกระทรวง มาตรา 21 ห้ามมิให้ผู้ใดเก็บ ทำอันตราย หรือมีไว้ในครอบครองซึ่งรังของสัตว์ป่าสงวน หรือสัตว์ป่าคุ้มครอง
ตามวรรคหนึ่ง มิให้ใช้บังคับแก่ผู้ซึ่งได้รับอนุญาตเก็บรังนกอีแอ่นตามกฎหมายว่าด้วยอากรรังนกอีแอ่น และผู้ที่อาศัยอำนาจของผู้รับอนุญาตดังกล่าว แต่ต้องปฏิบัติตามระเบียบที่อธิบดีกำหนดโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา
มาตรา 22 ห้ามิให้ผู้ใดยิงสัตว์ป่าในระหว่างเวลาอาทิตย์ตกและพระอาทิตย์ขึ้น
หมวด 4
การนำเข้า ส่งออก นำผ่าน นำเคลื่อนที่ซึ่งสัตว์ป่า และด่านตรวจสัตว์ป่า
---------------------------------------------------
มาตรา 23 ภายใต้บังคับมาตรา 24 ห้ามมิให้ผู้ใดนำเข้า หรือส่งออกซึ่งสัตว์ป่า หรือซากของสัตว์ป่าชนิดที่รัฐมนตรีประกาศกำหนด หรือนำผ่านซึ่งสัตว์ป่าสงวน สัตว์ป่าคุ้มครอง หรือซากของสัตว์ป่าดังกล่าว เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากอธิบดี
การนำเข้า หรือส่งออกซึ่งสัตว์ป่าสงวน สัตว์ป่าคุ้มครอง หรือซากของสัตว์ป่าดังกล่าวจะกระทำมิได้ เว้นแต่เป็น การนำเข้า หรือส่งออกซึ่งสัตว์ป่าคุ้มครองซึ่งได้มาจาก การเพาะพันธุ์ตามมาตรา 18(1) หรือซากสัตว์ป่าคุ้มครองซึ่งได้มาจาก การเพาะพันธุ์และโดยได้รับอนุญาตจากอธิบดี
การขออนุญาตและ การอนุญาตตามวรรคหนึ่งและวรรคสอง ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธี การ และเงื่อนไขที่กำหนดในกฎกระทรวง
มาตรา 24 การนำเข้า ส่งออก หรือ การนำผ่านซึ่งสัตว์ป่า หรือซากของสัตว์ป่าชนิดที่ต้องมีใบอนุญาต หรือใบรับรองให้นำเข้า ส่งออก หรือนำผ่าน ตามความตกลงระหว่างประเทศว่าด้วย การค้าสัตว์ป่าและซากของสัตว์ป่า ต้องได้รับใบอนุญาต หรือใบรับรองจากอธิบดี
การขอใบอนุญาต หรือใบรับรอง และ การออกใบอนุญาต หรือใบรับรองให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธี การ และเงื่อนไขที่กำหนดในกฎกระทรวง
มาตรา 25 การนำสัตว์ป่าคุ้มครอง หรือซากของสัตว์ป่าคุ้มครองเคลื่อนที่เพื่อ การค้าของผู้ได้รับใบอนุญาตตามมาตรา 20 ต้องได้รับใบอนุญาตจากอธิบดี
การขอรับใบอนุญาตและ การอนุญาต ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธี การ และเงื่อนไขที่กำหนดในกฎกระทรวง
มาตรา 26 บทบัญญัติมาตรา 16 มาตรา 18 มาตรา 19 มาตรา 21 และมาตรา 23 มิให้ใช้บังคับแก่ การ กระทำเพื่อประโยชน์ใน การสำรวจ การศึกษาและวิจัยทางวิชา การ การคุ้มครองสัตว์ป่า การเพาะพันธุ์ หรือเพื่อกิจ การสวนสาธารณะ ซึ่งกระทำโดยทางราช การ และโดยได้รับอนุญาตเป็นหนังสือจากอธิบดี และต้องปฏิบัติตามระเบียบที่รัฐมนตรีกำหนด โดยความเห็นชอบจากคณะกรรม การ
ในกรณีที่ การกระทำในวรรคหนึ่ง เป็น การกระทำเพื่อกิจ การเพาะพันธุ์ของผู้รับใบอนุญาตเพาะพันธุ์ตามมาตรา 18 หรือเพื่อกิจ การสวนสัตว์สาธารณะของผู้ได้รับใบอนุญาตจัดตั้งและดำเนินกิจ การสวนสัตว์สาธารณะตามมาตรา 29 การเรียกเก็บและ การชำระค่าใช้จ่าย ค่าบริการ หรือค่าตอบแทน และราคาสัตว์ป่า ให้เป็นไปตามระเบียบที่รัฐมนตรีกำหนด โดยความเห็นชอบจากคณะกรรม การ
มาตรา 27 ให้รับมนตรีมีอำนาจตั้งด่านตรวจสัตว์ป่าและกำหนดเขตของด่าน โดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา
มาตรา 28 ผู้ใดนำสัตว์ป่าสงวน สัตว์ป่าคุ้มครอง หรือซากสัตว์ป่าดังกล่าวเคลื่อนที่ผ่านด่านตรวจสัตว์ป่า ต้องแจ้งเป็นหนังสือตามแบบที่อธิบดีกำหนดต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ประจำ ด่านตรวจสัตว์ป่า โดยแสดงใบอนุญาตให้นำเคลื่อนที่เพื่อ การค้า ให้นำเข้า ให้ส่งออก หรือให้นำผ่าน แล้วแต่กรณี เมื่อพนักงานเจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบและอนุญาตเป็นหนังสือแล้ว จึงให้นำเคลื่อนที่ต่อไปได้
หมวด 5
สวนสัตว์สาธารณะ
------------------------------------
มาตรา 29 ผู้ใดประสงค์จะจัดตั้งและดำเนินกิจ การสวนสัตว์สาธารณะต้องได้รับใบอนุญาตจากอธิบดี
ใบอนุญาตตามวรรคหนึ่ง ให้สิ้นอายุลงเมื่อผู้ได้รับใบอนุญาตแจ้ง การเลิกดำเนิน การสวนสัตว์สาธารณะตามมาตรา 32
การขออนุญาตและ การอนุญาต ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธี การ และเงื่อนไขที่กำหนดในกฎกระทรวง
ใน การดำเนินกิจ การสวนสัตว์สาธารณะ ผู้รับใบอนุญาตต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดในกฎกระทรวงและเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในใบอนุญาต
มาตรา 30 เมื่อได้รับใบอนุญาตแล้ว ก่อนเปิดดำเนิน การ ผู้รับใบอนุญาตต้องแจ้งราย การเกี่ยวกับชนิด และจำนวนสัตว์ป่าสงวน สัตว์ป่าคุ้มครอง หรือซากของสัตว์ป่าที่มีไว้ในครอบครอง พร้อมทั้งแสดงหลักฐาน การได้มาต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ เพื่อตรวจสอบและจดแจ้งไว้ในระเบียบ
ผู้ได้รับใบอนุญาตต้องจัดให้สัตว์ป่าสงวน สัตว์ป่าคุ้มครอง หรือซากของสัตว์ป่าดังกล่าวที่อยู่ในครอบครองของตน อยู่ หรือแสดงไว้ภายในบริเวณสวนสัตว์สาธารณะที่จัดตั้งขึ้น และต้องแจ้งต่อพนักงานเจ้าหน้าที่โดยไม่ชักช้าทุกครั้งที่มีสัตว์ป่าสงวน สัตว์ป่าคุ้มครอง หรือซากสัตว์ป่าดังกล่าวที่อยู่ในครอบครองเพิ่มขึ้น หรือลดจำนวนลง
การแจ้งตามวรรคหนึ่งและวรรคสอง ให้เป็นไปตามวิธี การและระยะเวลาที่กำหนดในกฎกระทรวง
มาตรา 31 ในกรณีที่ปรากฏว่า บริเวณที่ตั้งของสวนสัตว์สาธารณะ หรือสถานที่เลี้ยงสัตว์มีสภาพขัดต่อหลักเกณฑ์ เงื่อนไข หรือข้อกำหนดที่กำหนดในกฎกระทรวงออกตาม มาตรา 29 หรือเกิดมีสภาพอันอาจเป็นอันตรายแก่ประชาชนที่เข้าไปในสวนสาธารณะ หรืออาจก่อให้เกิดอันตราย หรือความทุกข์ทรมานแก่สัตว์ป่าที่อยู่ในสวนสัตว์สาธารณะ ให้อธิบดีมีอำนาจออกคำสั่งเป็นหนังสือให้ผู้รับใบอนุญาตดำเนิน การปรับปรุงแก้ไขสภาพเช่นว่านั้น ให้หมดไปได้
ในกรณีที่ผู้รับใบอนุญาตไม่ดำเนิน การตามคำสั่งให้แล้วเสร็จในระยะเวลาที่กำหนดในคำสั่ง ให้พนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจเข้าปรับปรุงแก้ไข โดยเรียกค่าใช้จ่ายจากผู้ได้รับใบอนุญาต
มาตรา 32 ผู้รับใบอนุญาตจัดตั้งและดำเนินกิจ การสวนสัตว์สาธารณะตามมาตรา 29 ประสงค์จะเลิกดำเนินกิจ การสวนสัตว์สาธารณะ ต้องแจ้งเป็นหนังสือให้อธิบดีทราบล่วงหน้า และให้ผู้รับใบอนุญาตดำเนิน การจำหน่ายสัตว์ป่าสงวน สัตว์ป่าคุ้มครอง หรือซากสัตว์ป่าดังกล่าวที่มีอยู่ในครอบครอง ให้แก่ผู้รับใบอนุญาตจัดตั้งและดำเนินกิจ การสวนสัตว์สาธารณะตามมาตรา 29 หรือจำหน่ายสัตว์ป่าคุ้มครองชนิดที่กำหนดตามมาตรา 17 หรือซากของสัตว์ป่าดังกล่าวให้แก่ผู้รับใบอนุญาตเพาะพันธุ์ตามมาตรา 18(1) ให้เสร็จสิ้นภายในหนึ่งร้อยแปดสิบวันนับแต่วันที่ได้แจ้ง การบอกเลิกไปยังอธิบดี
เมื่อสิ้นกำหนดเวลาหนึ่งร้อยแปดสิบวันตามวรรคหนึ่ง ยังมีสัตว์ป่าสงวน สัตว์ป่าคุ้มครอง หรือซากของสัตว์ป่าดังกล่าวเหลืออยู่เท่าใด ให้สัตว์ป่าสงวน สัตว์ป่าคุ้มครอง หรือซากของสัตว์ป่าดังกล่าวตกเป็นของแผ่นดิน โดยผู้รับใบอนุญาตต้องส่งมอบสัตว์ป่าสงวน สัตว์ป่าคุ้มครอง หรือซากของสัตว์ป่าดังกล่าว ให้แก่กรมป่าไม้ หรือกรมประมง แล้วแต่กรณี เพื่อนำไปดำเนิน การต่อไปตามระเบียบที่อธิบดีกำหนด โดยความเห็นชอบของคณะกรรม การ
หมวด 6
บริเวณและสถานที่ห้ามล่าสัตว์ป่า
-------------------------------------------------
มาตรา 33 เมื่อคณะรัฐมนตรีเห็นสมควรกำหนดบริเวณที่ดินแห่งใดให้เป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่าโดยปลอดภัยและรักษาไว้ซึ่งพันธุ์สัตว์ป่า ก็ให้กระทำได้โดยตราเป็นพระราชกฤษฎีกา และให้มีแผนที่แสดงแนวเขตแห่งบริเวณที่กำหนดนั้นแนบท้ายพระราชกฤษฎีกาด้วย บริเวณที่กำหนดนี้เรียกว่า "เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า "
ที่ดินที่กำหนดเป็นเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่านั้น ต้องเป็นที่ดินที่มิได้อยู่ในกรรมสิทธิ์ หรือสิทธิครอบครองตามประมวลกฎหมายที่ดินของบุคคลใดที่มิใช่ทบวง การเมือง
มาตรา 34 การขยาย หรือเพิกถอนเขตรักษาพันธ์สัตว์ป่า ไม่ว่าทั้งหมด หรือบางส่วน ให้กระทำได้โดยตราเป็นพระราชกฤษฎีกา และในกรณีที่มิใช่เป็น การเพิกถอนเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทั้งหมด ให้มีแผนที่แสดงเขตที่มี การเปลี่ยนแปลงไปแนบท้ายในพระราชกฤษฎีกาด้วย
มาตรา 35 ให้พนักงานเจ้าหน้าที่จัดให้มีหลักเขตและป้าย หรือเครื่องหมายอื่นแสดงเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าไว้ตามสมควร เพื่อให้ประชาชนเห็นได้ว่าเป็นเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า
มาตรา 36 ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ห้ามมิให้ผู้ใดล่าสัตว์ป่า ไม่ว่าจะเป็นสัตว์ป่าสงวน หรือสัตว์ป่าคุ้มครอง หรือมิใช่ เก็บ หรือทำอันตรายแก่รังของสัตว์ป่า เว้นแต่จะกระทำเพื่อ การศึกษา หรือวิจัยทางวิชา การ และได้รับอนุญาตเป็นหนังสือ หรืออธิบดีโดยความเห็นชอบของคณะกรรม การ
มาตรา 37 นอกจากพนักงานเจ้าหน้าที่ หรือพนักงานอื่นใดซึ่งต้องเข้าไปปฏิบัติ การตามหน้าที่ ห้ามมิให้ผู้ใดเข้าไปในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า เว้นแต่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่
ผู้ได้รับอนุญาตให้เข้าไปในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขที่กำหนดในกฎกระทรวง
มาตรา 38 ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ห้ามมิให้ผู้ใดยึดถือ หรือครอบครองที่ดิน หรือปลูก หรือสร้างสิ่งหนึ่งสิ่งใด หรือตัด โค่น แผ้วถาง เผา หรือทำลายต้นไม้ หรือพฤกษชาติอื่นๆ หรือขุดหาแร่ ดิน หิน หรือเลี้ยงสัตว์ หรือปล่อยสัตว์ หรือสัตว์ป่า หรือเปลี่ยนแปลงทางน้ำ หรือทำให้น้ำในลำน้ำ ลำห้วย หนอง บึง ท่วมท้น เหือดแห้ง เป็นพิษ หรือเป็นอันตรายต่อสัตว์ป่า
ในกรณีที่มีความจำเป็นต้องปฏิบัติ การเพื่อประโยชน์ใน การคุ้มครอง ดูแล รักษา หรือบำรุงเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า เพื่อ การเพาะพันธุ์ การศึกษา หรือวิจัยทางวิชา การเพื่ออำนวยความสะดวกใน การให้ การศึกษา หรือ การพักอาศัย หรืออำนวยความปลอดภัย หรือให้ความรู้แก่ประชาชน ให้อธิบดีมีอำนาจสั่งเป็นหนังสือให้พนักงานเจ้าหน้าที่ หรือเจ้าหน้าของกรมป่าไม้ หรือกรมประมง แล้วแต่กรณี กระทำ การอย่างหนึ่งอย่างใดในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าได้ ทั้งนี้ ตามระเบียบที่อธิบดีกำหนด โดยความเห็นชอบของคณะกรรม การ
มาตรา 39 การจัด การกับไม้ หรือพฤกษชาติอื่นที่พนักงานเจ้าหน้าที่ได้ตัดโค่น หรือแผ้วถาง ตามมาตรา 38 วรรคสอง ให้เป็นไปตามระเบียบที่อธิบดีกำหนด โดยความเห็นชอบจากคณะกรรม การ
มาตรา 40 ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ซึ่งประจำเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่ามีอำนาจสั่งให้ผู้ฝ่าฝืนมาตรา 38 วรรคหนึ่ง ออกจากเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า หรืองดเว้น การกระทำใดๆอันเป็น การฝ่าฝืนมาตรา 38 วรรคหนึ่ง ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า
มาตรา 41 ห้ามมิให้ผู้ใดล่าสัตว์ป่า ไม่ว่าจะเป็นสัตว์ป่าสงวน หรือสัตว์ป่าคุ้มครอง หรือมิใช่ หรือเก็บ หรือทำอันตรายแก่รังของสัตว์ป่าในบริเวณวัด หรือในบริเวณสถานที่ที่จัดไว้เพื่อประชาชนใช้เป็นที่กระกอบพิธีกรรมทางศาสนา
มาตรา 42 บริเวณสถานที่ที่ใช้ในทางราช การ หรือใช้เพื่อสาธารณะประโยชน์ หรือประชาชนใช้ประโยชน์ร่วมกันแห่งใด รัฐมนตรีโดยความเห็นชอบจากคณะกรรม การจะกำหนดให้เป็นเขตห้ามล่าสัตว์ป่าชนิด หรือประเภทใดก็ได้ โดยประกาศในพระราชกิจจานุเบกษา
เมื่อได้ประกาศของรัฐมนตรีกำหนดเขตห้ามล่าสัตว์ป่าประเภทใดแล้ว ห้ามมิให้ผู้ใดกระทำ การดังต่อไปนี้
(1) ล่าสัตว์ป่าชนิด หรือประเภทนั้น
(2) เก็บ หรือทำอันตรายแก่รังของสัตว์ป่าซึ่งห้ามมิให้ล่านั้น
(3) ยึดถือครอบครองที่ดิน หรือตัด โค่น แผ้วถาง เผา ทำลายต้นไม้ หรือพฤกษชาติอื่นๆ หรือขุดหาแร่ ดิน หิน หรือเลี้ยงสัตว์ หรือเปลี่ยนแปลงทางน้ำ หรือทำให้น้ำในลำน้ำ ลำห้วย หนอง บึง ท่วมท้น เหือดแห้ง เป็นพิษ หรือเป็นอันตรายแก่สัตว์ป่า เวันแต่ได้รับอนุญาตเป็นหนังสือจากอธิบดี เมื่ออธิบดีประกาศอนุญาตไว้เป็นคราวๆในเขตห้ามล่าแห่งใดแห่งหนึ่งโดยเฉพาะ
ในกรณีที่พนักงานเจ้าหน้าที่ หรือพนักงานอื่นใด มีความจำเป็นต้องปฏิบัติ การตามกฎหมาย หรือปฏิบัติ การเพื่อประโยชน์ใน การศึกษา หรือวิจัยทางวิชา การในเขตห้ามล่าสัตว์ป่า พนักงานเจ้าหน้าที่ หรือเจ้าพนักงานนั้นต้องปฏิบัติตามระเบียบที่อธิบดีกำหนด โดยความเห็นชอบของคณะกรรม การ
หมวด 7
พนักงานเจ้าหน้าที่
----------------------------------------
มาตรา 43 เมื่อปรากฏว่าผู้รับใบอนุญาตผู้ใด ฝ่าฝืน หรือไม่ปฏิบัติตามพระราชบัญญัตินี้ กฎกระทรวง ข้อกำหนด หรือเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในใบอนุญาต หรือไม่ปฏิบัติตามคำสั่งพนักงานเจ้าหน้าที่ซึ่งสั่งตามพระราชบัญญัตินี้ อธิบดีมีอำนาจสั่งพักใช้ใบอนุญาตที่ออกตามพระราชบัญญัตินี้ได้ไม่เกินเก้าสิบวัน หรือถ้ารัฐมนตรีเห็นสมควรโดยได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรม การ จะสั่งเพิกถอนใบอนุญาตนั้นเสียก็ได้
ในกรณีที่เพิกถอนใบอนุญาต ถ้าผู้รับใบอนุญาตที่ถูกเพิกถอนใบอนุญาตมีสัตว์ป่าสงวน สัตว์ป่าคุ้มครอง หรือซากของสัตว์ป่าดังกล่าวไว้ในครอบครอง ให้ผู้ถูกเพิกถอนใบอนุญาตจำหน่ายสัตว์ป่าสงวน สัตว์ป่าคุ้มครอง หรือซากของสัตว์ป่าดังกล่าวที่มีไว้ในครอบครองภายในสามสิบวันนับตั้งแต่วันทราบคำสั่งเพิกถอนใบอนุญาต ถ้าพ้นกำหนดนั้นแล้ว มิได้จำหน่าย หรือจำหน่ายเพียงบางส่วน ให้สัตว์ป่า หรือซากของสัตว์ป่าที่ยังมิได้จำหน่าย หรือเหลือจำหน่ายนั้นตกเป็นของแผ่นดิน และให้กรมป่าไม่ หรือกรมประมง แล้วแต่กรณีนำไปดำเนิน การตามระเบียบที่อธิบดีกำหนด โดยความเห็นชอบของคณะกรรม การ
มาตรา 44 ในกรณีที่บุคคลใดประสงค์จะให้พนักงานเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติ การตามพระราชบัญญัติฉบับนี้ นอกเวลาราช การ หรือนอกสถานที่ทำ การโดยปกติ ไม่ว่าใน หรือนอกประเทศ ให้ยื่นคำขอต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ และจะต้องเสียค่าเบี้ยเลี้ยงให้แก่พนักงานเจ้าหน้าที่ผู้ไป ปฏิบัติงานเท่าอัตราของทางราช การ และต้องจ่ายค่าพาหนะเดินทางให้แก่พนักงานเจ้าหน้าที่เท่าที่จำเป็นและใช้จ่ายจริง
การยืนคำขอ การจ่ายค่าเบี้ยเลี้ยงและค่าพาหนะเดินทาง ให้แก่พนักงานเจ้าหน้าที่ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธี การ และเงื่อนไขที่กำหนดในกฎกระทรวง
มาตรา 45 ใน การจับกุมปราบปรามผู้กระทำความผิดตามพระราชบัญญัตินี้ ให้พนักงานเจ้าหน้าที่เป็นพนักงานฝ่ายปกครอง หรือตำรวจตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
มาตรา 46 ถ้าเป็น การสมควรให้ประชาชนชำระค่าบริการ หรือค่าตอบแทนเนื่องใน การที่พนักงานเจ้าหน้าที่ให้บริการ หรือให้ความสะดวกในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า หรือเขตห้ามล่าสัตว์ป่า อธิบดีมีอำนาจกำหนดอัตราและวางระเบียบเกี่ยวกับ การเก็บค่าบริการ หรือค่าตอบแทนดังกล่าวได้ ทั้งนี้โดยความเห็นชอบของคณะกรรม การ
เงินที่เก็บได้ตามวรรคหนึ่ง และเงินที่มีผู้บริจาคเพื่อบำรุงเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า หรือเขตห้ามล่าสัตว์ป่า ให้ได้รับยกเว้นไม่ต้องเสียค่าภาษีอากรใดๆ และให้ใช้จ่ายใน การบำรุงเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า หรือเขตห้ามล่าสัตว์ป่าตามระเบียบที่รัฐมนตรีกำหนด โดยความเห็นชอบของคณะกรรม การ
หมวด 8
บทกำหนดโทษ
-----------------------------------
มาตรา 47 ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา 16 มาตรา 19 มาตรา 20 วรรคหนึ่ง หรือมาตรา23 วรรคหนึ่ง ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสี่ปี หรือปรับไม่เกินสี่หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา 48 ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา 18 มาตรา 23 วรรคสอง หรือไม่ปฏิบัติตามมาตรา 29 ต้องรางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินสามหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา49 ผู้ใดมีไว้ในครอบครองสัตว์ป่าคุ้มครองที่ได้มาจาก การเพาะพันธุ์ หรือซากของสัตว์ป่าที่ได้มาจาก การเพาะพันธุ์ โดยไม่ได้รับอนุญาต ตามมาตรา 19 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท
มาตรา 50 ผู้ใดทำ การค้าสัตว์ป่าคุ้มครองที่ได้มาจาก การเพาะพันธุ์ ซากของสัตว์ป่าที่ได้มาจาก การเพาะพันธุ์ หรือผลิตภัณฑ์ที่ทำจากซากสัตว์ดังกล่าวโดยมิได้รับอนุญาตตามมาตรา 20 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา 51 ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา 21 มาตรา 22 มาตรา 41 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา 52 ผู้ใดไม่ปฏิบัติตามมาตรา 25 หรือมาตรา 28 ต้องระวางโทษปรับไม่เกินห้าพันบาท
มาตรา 53 ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา 36 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินห้าหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา 54 ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา 38 หรือมาตรา 42 วรรคสอง ต้องระวางโทษไม่เกินเจ็ดปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ในกรณีที่ศาลพิพากษาว่าผู้ใดกระทำผิดตามมาตรา 38 ถ้าปรากฏว่าผู้นั้นได้ยึดถือ ครอบครอง ทำประโยชน์ หรืออยู่อาศัยในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าที่ตนได้กระทำผิด ศาลมีอำนาจสั่งให้ผู้กระทำผิด คนงาน ผู้รับจ้าง ผู้แทน และบริวารของผู้กระทำความผิดออกไปจากเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่านั้นได้
การจัด การกับไม้ หรือพฤกษชาติอื่นที่ผู้กระทำความผิดตามมาตรา 38 วรรคหนึ่ง ได้ตัดโค่น หรือแผ้วถางลงไว้ ให้เป็นไปตามระเบียบที่อธิบดีกำหนด โดยความเห็นชอบของคณะกรรม การ แต่ระเบียบดังกล่าวจะกำหนดให้จำหน่ายให้บุคคลอื่นใดที่มิใช่ส่วนราช การมิได้
มาตรา 55 ผู้ใดช่วยซ่อนเร้น ช่วยจำหน่าย ช่วยพาเอาไปเสีย ซื้อ รับจำนำ หรือรับไว้ โดยประ การใดซึ่งสัตว์ป่า หรือซากของสัตว์ป่าอันได้มาโดย การกระทำความผิดตามพระราชบัญญัตินี้ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา 56 ผู้ใดกระทำให้หลักเขต ป้าย หรือเครื่องหมายอื่น ซึ่งพนักงานเจ้าหน้าที่ได้จัดให้มีตามพระราชบัญญัตินี้เคลื่อนที่ ลบเลือน เสียหาย หรือไร้ประโยชน์ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสี่ปี หรือปรับไม่เกินสี่หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา 57 บรรดาอาวุธ เครื่องมือ เครื่องใช้ สัตว์พาหนะ หรือเครื่องจักรกลใดๆ ที่บุคคลได้มา หรือได้ใช้ใน การกระทำความผิด หรือมีไว้เนื่องใน การกระทำความผิดตามมาตรา 16 มาตรา 36 มาตรา 38 มาตรา 41 มาตรา 42 วรรคสอง ให้ริบเสียสิ้น ไม่ว่าจะมีผู้ถูกลงโทษตามคำพิพากษาของศาล หรือไม่
มาตรา 58 บรรดาสตว์ป่าสงวน สัตว์ป่าคุ้มครอง ซากของสัตว์ป่าสงวน ซากของสัตว์ป่าคุ้มครอง ผลิตภัณฑ์ที่ได้จากซากของสัตว์ดังกล่าว หรือรังของสัตว์ป่า ที่บุคคลได้มา หรือมีไว้เนื่องจาก การกระทำความผิดตามพระราชบัญญัตินี้ ให้ศาลสั่งริบเสียทั้งสิ้น
บรรดาสิ่งที่ศาลสั่งริบ ให้ตกเป็นของแผ่นดิน และให้กรมป่าไม้ หรือกรมประมง แล้วแต่กรณี นำไปดำเนิน การตามระเบียบที่อธิบดีกำหนด โดยความเห็นชอบของคณะกรรม การ
มาตรา 59 ในกรณีที่ผู้กระทำความผิดซึ่งต้องรับโทษตามพระราชบัญญัตินี้ เป็นนิติบุคคล กรรม การผู้จัด การ หรือผู้แทนนิติบุคคลนั้น ต้องรับโทษตามที่บัญญัติไว้สำหรับความผิดนั้นๆด้วย เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่า การกระทำนั้นตน มิได้มีส่วนรู้เห็น หรือยินยอมด้วย
มาตรา 60 บรรดาความผิดตามพระราชบัญญัตินี้ที่มีโทษปรับสถานเดียว ให้อธิบดี หรือพนักงานเจ้าหน้าที่ซึ่งอธิบดีมอบหมายโดยประกาศในพระราชกิจจานุเบกษามีอำนาจเปรียบเทียบปรับได้ และเมื่อผู้ต้องหาได้ชำระค่าปรับตามจำนวนที่เปรียบเทียบภายในสามสิบวันแล้ว ให้ถือว่าคดีเลิกกันตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
บทเฉพาะกาล
-----------------------------------
มาตรา 61 เมื่อได้มีกฎกระทรวงตามมาตรา 6 วรรคหนึ่ง ใช้บังคับใน การดำเนิน การแก่สัตว์ป่าคุ้มครองชนิดที่กำหนดเพิ่มเติมขึ้น หรือซากของสัตว์ป่าคุ้มครองดังกล่าวอยู่ในความครอบครองของบุคคลใดก่อนวันที่กฎกระทรวงใช้บังคับ ให้เป็นไปดังนี้
(1) ให้ผู้มีสัตว์ป่าคุ้มครองชนิดที่กำหนดเพิ่มเติมขึ้นอยู่ในความครอบครองก่อนวันที่กฎกระทรวงใช้บังคับ แจ้งชนิดและจำนวนสัตว์ป่าคุ้มครอง ที่อยู่ในความครอบครองของตนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ภายในเก้าสิบวันนับแต่วันที่กฎกระทรวงใช้บังคับ เมื่อพนักงานเจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบแล้วหากผู้เป็นเจ้าของ หรือครอบครองสัตว์ป่าคุ้มครองนั้น ไม่ประสงค์จะเลี้ยงสัตว์ป่าคุ้มครองนั้นต่อไป ให้จำหน่ายสัตว์ป่าคุ้มครองนั้นให้แก่ผู้รับใบอนุญาตจัดตั้งและดำเนินกิจ การสวนสัตว์สาธารณะ ตามมาตรา 29 หรือจำหน่ายสัตว์ป่าคุ้มครองชนิดที่กำหนดตามมาตรา 17 ให้แก่ผู้รับใบอนุญาตเพาะพันธุ์ตามมาตรา 18 ให้เสร็จสิ้นภายในหนึ่งร้อยยี่สิบวันนับแต่วันที่ได้แจ้งต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ และเมื่อสิ้นสุดระยะเวลาดังกล่าวแล้ว
ยังมีสัตว์ป่าคุ้มครองเหลืออยู่เท่าใดให้สัตว์ป่าคุ้มครองนั้นตกเป็นของแผ่นดิน และให้เจ้าของ หรือผู้ครอบครองส่งมอบสัตว์ป่าคุ้มครองนั้นให้แก่กรมป่าไม้ หรือกรมประมง แล้วแต่กรณี เพื่อนำไปดำเนิน การ ทั้งนี้ตามระเบียบที่อธิบดีกำหนด โดยความเห็นชอบของคณะกรรม การ ในกรณีที่สัตว์คุ้มครองดังกล่าวเป็นสัตว์ป่าคุ้มครองชนิดที่กำหนดตามมาตรา 17 เจ้าของ หรือผู้ครอบครองซึ่งประสงค์จะเพาะพันธุ์สัตว์นั้น ต้องยื่นคำขอใบอนุญาตเพาะพันธุ์ตามมาตรา 18 ภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ได้แจ้งต่อพนักงานเจ้าหน้าที่และเมื่อได้ยื่นคำขอแล้วให้ครอบครองสัตว์ป่าคุ้มครองนั้นต่อไปได้
หากเจ้าของ หรือผู้ครอบครองสัตว์ป่าคุ้มครองนั้น ประสงค์จะเลี้ยงดูสัตว์ป่าคุ้มครองนั้นต่อไป ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ตรวจสอบสภาพ การเลี้ยงดูสัตว์ป่าคุ้มครองของผู้นั้นว่าอยู่ในสภาพอันสมควรและปลอดภัยแก่สัตว์นั้นเพียงใด หากเห็นว่าสัตว์ป่าคุ้มครองนั้นได้รับ การเลี้ยงดูด้วยความเอาใจใส่ในสภาพอันสมควรและปลอดภัย ให้อธิบดีอนุญาตให้ผู้นั้นครอบครองสัตว์ป่าคุ้มครองนั้นต่อไปได้ โดยออกใบอนุญาตครอบครองสัตว์ป่าคุ้มครองชั่วคราวให้แก่เจ้าของ หรือผู้ครอบครอง ใบอนุญาตดังกล่าวให้มีอายุเพียงเท่าอายุของสัตว์ป่าคุ้มครองนั้น ผู้รับใบอนุญาตดังกล่าวต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดว่าด้วย การเลี้ยงดูสัตว์ป่าคุ้มครองที่รัฐมนตรีกำหนด โดยความเห็นชอบของคณะกรรม การ และเมื่อสัตว์ป่าคุ้มครองนั้นเพิ่มจำนวนขึ้นโดย การเพาะพันธุ์ หรือตาย ผู้รับใบอนุญาตต้องแจ้งให้พนักงานเจ้าหน้าที่ทราบ
(2) สำหรับซากของสัตว์ป่าคุ้มครอง ให้ผู้ครอบครอง หรือเจ้าของแจ้งชนิดและจำนวนของซากสัตว์ป่าคุ้มครองที่อยู่ในความครอบครองของตนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ภายในกำหนดเวลาเก้าสิบวัน นับแต่วันที่กฎกระทรวงใช้บังคับเพื่อจดแจ้งไว้ในทะเบียน และให้ผู้นั้นครอบครองซากของสัตว์ป่าคุ้มครองนั้นต่อไปได้ ในกรณีที่เป็นซากของสัตว์ป่าคุ้มครองที่มีไว้เพื่อค้า เมื่อพนักงานเจ้าหน้าที่ได้จดแจ้งชนิดและจำนวนของซากสัตว์ป่านั้นไว้แล้ว ให้ผู้ครอบครองซากของสัตว์ป่าเพื่อค้านั้นดำเนิน การจำหน่ายซากของสัตว์ป่านั้นให้เสร็จสิ้นภายในสามปี
แบบและวิธี การแจ้งตาม (1) และ (2) และ การออกใบอนุญาตให้ครอบครองสัตว์ป่าคุ้มครองชั่วคราว และใบรับรอง การครอบครองซากสัตว์ป่าคุ้มครอง ให้เป็นไปตามที่กำหนดในกฎกระทรวง
มาตรา 62 ให้ถือว่าสัตว์ป่าคุ้มครองประเภทที่ 1 และสัตว์ป่าคุ้มครองประเภทที่ 2 ที่กำหนดขึ้นตามกฎกระทรวงที่ออกตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2503 เป็นสัตว์ป่าคุ้มครองตามพระราชบัญญัติฉบับนี้
มาตรา 63 ให้บริเวณที่ดินที่เป็นเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าและเขตห้ามล่าสัตว์ป่า ตามกฎหมายว่าด้วย การสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่าก่อนวันที่พระราชบัญญัติฉบับนี้ใช้บังคับ เป็นเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า หรือเขตห้ามล่าสัตว์ป่าตามพระราชบัญญัติฉบับนี้ แล้วแต่กรณี
มาตรา 64 บรรดากฎกระทรวง ระเบียบ และประกาศที่ออกตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2503 และยังใช้บังคับอยู่ก่อน หรือในวันที่พระราชบัญญัติฉบับนี้ใช้บังคับ ให้ยังคงใช้บังคับต่อไปเพียงเท่าที่ไม่ขัด หรือแย้งกับพระราชบัญญัติฉบับนี้ ทั้งนี้ จนกว่าจะมีกฎกระทรวง ระเบียบ และประกาศที่ออกตามพระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ
มาตรา 65 ให้ การอนุญาตให้ล่าสัตว์ป่าสงวน สัตว์ป่าคุ้มครองทุกประเภท ใบอนุญาตให้ค้าสัตว์ป่าคุ้มครอง หรือซากสัตว์ป่าคุ้มครอง และใบอนุญาตให้มีไว้ในครอบครองซึ่งสัตว์ป่าคุ้มครอง หรือซากสัตว์ป่าคุ้มครอง ที่ได้ออกไว้ให้แก่บุคคลใดไว้แล้วก่อน หรือในวันที่พระราชบัญญัติฉบับนี้ใช้บังคับ เป็นอันสิ้นอายุนับแต่วันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ
มาตรา 66 ผู้ใดมีสัตว์ป่าสงวน หรือสัตว์ป่าคุ้มครองโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายอยู่ก่อน หรือในวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ ถ้าได้นำสัตว์ป่าสงวน หรือสัตว์ป่าคุ้มครองดังกล่าว มามอบให้แก่พนักงานเจ้าหน้าที่ภายในเก้าสิบวันนับตั้งแต่วันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ ผู้นั้นไม่ต้องรับโทษและให้สัตว์ป่าสงวน หรือสัตว์ป่าคุ้มครองดังกล่าวตกเป็นของแผ่นดิน และเมื่อได้จดแจ้งชนิดและจำนวนของสัตว์ป่าที่รับมอบไว้แล้วอธิบดีอาจมอบสัตว์ดังกล่าวให้อยู่ในความดูแลของผู้นั้นต่อไปได้ตามที่เห็นสมควร ทั้งนี้ โดยคำนึงถึงสวัสดิภาพความปลอดภัยของสัตว์นั้นเป็นสำคัญ
ผู้ใดมีซากสัตว์ป่าสงวน หรือสัตว์ป่าคุ้มครองโดยมิชอบด้วยกฎหมายอยู่ก่อน หรือในวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ ให้ผู้นั้นแจ้งชนิดและจำนวนของซากสัตว์ป่าต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ภายในเก้าสิบวันนับตั้งแต่วันที่พระราชบัญญัติฉบับนี้ใช้บังคับ เมื่อพนักงานเจ้าหน้าที่ได้จดแจ้งราย การไว้แล้ว ก็ให้ผู้นั้นครอบครองซากของสัตว์ป่าสงวน หรือสัตว์ป่าคุ้มครองนั้นต่อไปได้ แต่จะจำหน่าย จ่าย โอน ให้แก่ผู้อื่นมิได้ เว้นแต่โดย การตกทอดทางมรดก
มาตรา 67 ให้ผู้มีสัตว์ป่าสงวน สัตว์ป่าคุ้มครอง ซากของสัตว์ป่าสงวน หรือซากของสัตว์ป่าคุ้มครองอยู่ในความครอบครองโดยชอบด้วยกฎหมายอยู่ก่อน หรือในวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับแจ้งราย การเกี่ยวกับชนิดและจำนวนของสัตว์ป่าสงวน สัตว์ป่าคุ้มครอง ซากของสัตว์ป่าสงวน หรือซากของสัตว์ป่าคุ้มครองอยู่ในความครอบครองของตน ต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ภายในเก้าสิบวันนับตั้งแต่วันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ และเมื่อพนักงานเจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งไว้แล้ว ให้ปฏิบัติต่อไปดังนี้
(1) สำหรับสัตว์ป่าสงวน ให้เจ้าของ หรือผู้ครอบครองจำหน่ายสัตว์ป่าสงวนให้แก่ผู้จัดตั้งและดำเนินกิจ การสวนสัตว์สาธารณะที่ได้ยื่นคำขออนุญาตไว้แล้วตามมาตรา 69 ให้เสร็จสินภายในหนึ่งร้อยแปดสิบวันนับแต่วันที่ได้แจ้งต่อพนักงานเจ่าหน้าที่ และเมื่อสิ้นอายุเวลาดังกล่าว ยังมีสัตว์ป่าสงวนเหลืออยู่ในครอบครองอีกเท่าใดให้สัตว์ป่าสงวนนั้นตกเป็นของแผ่นดิน และให้เจ้าของ หรือผู้ครอบครองส่งมอบสัตว์ป่าสงวนนั้นให้แก่กรมป่าไม้ หรือกรมประมง แล้วแต่กรณีเพื่อนำไปดำเนินกิจ การ ทั้งนี้ตามระเบียบที่อธิบดีกำหนด โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการ
(2) สำหรับสัตว์ป่าคุ้มครอง หรือซากของสัตว์ป่าคุ้มครอง ให้นำมาตรา 61 มาใช้บังคับโดยอนุโลม
(3) สำหรับซากของสัตว์ป่าสงวน ให้เจ้าของ หรือผู้ครอบครองครอบครองซากของสัตว์ป่าสงวนนั้นต่อไปได้ แต่จะจำหน่าย จ่าย โอน ให้แก่ผู้อื่นมิได้ เว้นแต่จะได้รับเป็นหนังสือ หรือโดย การตกทอดทางมรดก
(4)สำหรับสัตว์ป่าคุ้มครองซึ่งอยู่ในความครอบครองของผู้ได้รับใบอนุญาตให้ค้าซึ่งสัตว์ป่าคุ้มครองตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2503 เมื่อผู้ได้รับอนุญาตดังกล่าวได้ยื่นคำขอรับใบอนุญาตเป็นผู้ค้าสัตว์ป่าคุ้มครองที่ได้มาจาก การเพาะพันธุ์ตามมาตรา 68 ให้ผู้นั้นค้าสัตว์ป่าคุ้มครองชนิดที่กำหนดตามมาตรา17 ซึ่งได้มาจาก การเพาะพันธุ์ต่อไปได้ สำหรับสัตว์ป่าคุ้มครองที่มิใช้เป็นสัตว์ป่าคุ้มครองชนิดที่กำหนดตามมาตรา 17 ที่ได้มาจาก การเพาะพันธุ์ที่มีไว้ในครอบครองเพื่อค้า ให้ผู้รับใบอนุญาตจำหน่ายสัตว์ป่าคุ้มครองดังกล่าวให้เสร็จสินภายในสองปีนับแต่วันที่ได้แจ้งต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ เมื่อสิ้นระยะเวลาดังกล่าวแล้ว สัตว์ป่าคุ้มครองอันมิใช่เป็นสัตว์ป่าคุ้มครองชนิดที่กำหนดตามมาตรา 17 ที่ได้มาจาก การเพาะพันธุ์เหลืออยู่เท่าใด ให้ตกเป็นของแผ่นดินและให้ส่งมอบแก่กรมป่าไม้ หรือกรมประมง แล้วแต่กรณี เพื่อนำไปดำเนิน การ ทั้งนี้ ตามระเบียบที่อธิบดีกำหนด โดยความเห็นชอบของคณะกรรม การ
(5)สำหรับซากของสัตว์ป่าคุ้มครองที่อยู่ในความครอบครองของผู้รับใบอนุญาตให้ค้าซึ่งซากสัตว์ป่าคุ้มครองตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2503 เมื่อพนักงานเจ้าหน้าที่ได้ตรวจ และจดแจ้งชนิดและจำนวนซากของสัตว์ป่าคุ้มครองที่ได้รับอนุญาตดังกล่าวมีอยู่ในความครอบครองไว้แล้ว ให้อธิบดีออกใบอนุญาตค้าซึ่งซากของสัตว์ป่าคุ้มครองชั่วคราวให้แก่ผู้นั้น ผู้ได้รับใบอนุญาตค้าซึ่งซากของสัตว์ป่าคุ้มครองชั่วคราวดังกล่าว จะต้องจำหน่ายซากของสัตว์ป่าที่มีอยู่ในครอบครองให้เสร็จสิ้นภายในสามปีนับแต่วันที่ได้รับใบอนุญาตให้ค้าซึ่งซากของสัตว์ป่าคุ้มครองชั่วคราวและต้องจัดทำรายงานเกี่ยวกับชนิดและจำนวนซากของสัตว์ป่าคุ้มครองที่ขาย ในแต่ละเดือนเสนอต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ตามระเบียบที่อธิบดีกำหนด และเมื่อสิ้นระยะเวลาดังกล่าวมีซากของสัตว์ป่าคุ้มครองเหลืออยู่เท่าใด ให้ตกเป็นของแผ่นดิน และให้ส่งมอบแก่กรมป่าไม่ หรือกรมประมง แล้วแต่กรณี เพื่อนำไปดำเนิน การ ตามระเบียบที่อธิบดีกำหนด โดยความเห็นชอบของคณะกรรม การ ทั้งนี้ เว้นแต่เป็นซากของสัตว์ป่าคุ้มครองชนิดที่กำหนดตามมาตรา 17 ที่ได้มาจาก การเพาะพันธุ์ และผู้นั้นได้ยื่นคำขอรับใบอนุญาตเป็นผู้ค้าซึ่งซากของสัตว์ป่าคุ้มครองที่ได้มาจาก การเพาะพันธุ์ ตามมาตรา 68 ไว้แล้ว
แบบและวิธี การแจ้งตามวรรคหนึ่ง ให้เป็นไปตามที่กำหนดในกฎกระทรวง
มาตรา 68 ผู้ใดดำเนินกิจ การเพาะพันธุ์ดำเนินกิจ การค้าสัตว์ป่าคุ้มครองที่ได้มาจาก การเพาะพันธุ์ ซากของสัตว์ป่าคุ้มครองที่ได้มาจาก การเพาะพันธุ์ หรือผลิตภัณฑ์ที่ทำจากซากของสัตว์ป่าคุ้มครองที่ได้มาจาก การเพาะพันธุ์อยู่ก่อน หรือในวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ ให้ยื่นคำขอรับใบอนุญาตตามพระราชบัญญัตินี้ภายในสามสิบวันนับตั้งแต่วันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ และเมื่อได้ยื่นคำขอแล้ว ให้ดำเนินกิจ การต่อไปได้จนกว่าอธิบดีจะมีคำสั่งไม่อนุญาต
ในกรณีที่อธิบดีมีคำสั่งไม่อนุญาตคำขอตามวรรคหนึ่ง ให้นำบทบัญญัติในมาตรา 43 วรรคสอง มาใช้บังคับโดยอนุโลม
มาตรา69 ผู้ใดจัดตั้งและดำเนิน การกิจ การสวนสัตว์สาธารณะอยู่ก่อน หรือในวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ ให้ยื่นคำขอรับใบอนุญาตตามพระราชบัญญัตินี้ภายในสามสิบวัน นับแต่วันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ เมื่อได้รับคำขออนุญาตแล้ว และพนักงานเจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบแล้วเห็นว่าบริเวณและสถานที่ประกอบกิจ การเป็นไปโดยถูกต้องตามที่กำหนดไว้ในมาตรา 30 วรรคสองและวรรคสาม และมาตรา 31 และได้จดแจ้งราย การเกี่ยวกับชนิดและจำนวนของสัตว์ป่าสงวน สัตว์ป่าคุ้มครอง หรือซากของสัตว์ป่าดังกล่าว ไว้แล้ว ให้อธิบดีออกใบอนุญาตจัดตั้งและดำเนินกิจ การสวนสัตว์สาธารณะให้แก่ผู้นั้น
มาตรา 70 คำขออนุญาตใดๆที่ได้ยื่นไว้ก่อน หรือในวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับและยังอยู่ในระหว่าง การพิจารณาของอธิบดี ให้ถือว่าคำขอนั้นสิ้นสุดลง เว้นแต่เป็นคำขออนุญาตดำเนินกิจ การอันอาจอนุญาตได้ตามพระราชบัญญัตินี้ ให้อธิบดีพิจารณาคำขออนุญาตนั้นต่อไป
ผู้รับสนองพระบรมราชโอง การ
อานันท์ ปันยารชุน
นายกรัฐมนตรี
อัตราค่าธรรมเนียม
1. ใบอนุญาตให้เพาะพันธุ์ ฉบับละ 1,000 บาท
2. ใบอนุญาตให้มีไว้ในครอบครองซึ่งสัตว์ป่าคุ้มครอง
ที่ได้มาจาก การเพาะพันธุ์ หรือซากของสัตว์ป่าคุ้มครอง
ที่ได้มาจาก การเพาะพันธุ์ ฉบับละ 500 บาท
3. ใบอนุญาตให้ค้าสัตว์ป่าคุ้มครองที่ได้มาจาก การเพาะพันธุ์ ฉบับละ 1,000 บาท
4. ใบอนุญาตให้ค้าซากสัตว์ป่าคุ้มครองที่ได้มาจาก การเพาะพันธุ์
หรือผลิตภัณฑ์ที่ทำจากซากของสัตว์ป่าคุ้มครองที่ได้มาจาก การเพาะพันธุ์ ฉบับละ 1,000 บาท
5. ใบอนุญาตให้นำเข้า หรือส่งออกซึ่งสัตว์ป่าคุ้มครอง
ที่ได้มาจาก การเพาะพันธุ์ หรือซากของสัตว์ป่าที่มาจาก การเพาะพันธุ์ ฉบับละ 500 บาท
6. ใบอนุญาตให้นำเข้า ส่งออก ซึ่งสัตว์ป่า หรือซากของสัตว์ป่า ฉบับละ 500 บาท
7. ใบอนุญาตให้นำผ่านซึ่งสัตว์ป่าสงวน สัตว์ป่าคุ้มครอง
ซากของสัตว์ป่าสงวน หรือซากของสัตว์ป่าคุ้มครอง ฉบับละ 500 บาท
8. ใบอนุญาตให้นำสัตว์ป่าคุ้มครอง หรือซากของสัตว์ป่าคุ้มครอง
เคลื่อนที่เพื่อ การค้า ฉบับละ 500 บาท
9. ใบรับรองให้นำเข้า ให้ส่งออก หรือให้นำผ่านซึ่งสัตว์ป่า
หรือซากของสัตว์ป่า ฉบับละ 500 บาท
10. ใบอนุญาตให้จัดตั้งและดำเนินกิจ การสวนสัตว์สาธารณะ ฉบับละ 10,000 บาท
11. ใบแทนใบอนุญาต หรือใบรับรอง ฉบับละ 100 บาท
12. การต่ออายุใบอนุญาต ฉบับละ 500 บาท
*********************************************
บัญชีสัตว์ป่าสงวน
1. นกเจ้าฟ้าหญิงสิรินธร ( Psedochelidon sirintarae )
2. แรด ( Rhinoceros sondaicus )
3. กระซู่ ( Didermocerus sumatrensis )
4. กูปรี หรือโคไพร ( Bos sauveli )
5. ควายป่า ( Bubalus bubalis )
6. ละอง หรือละมั่ง ( Cervus eldi )
7. สมัน หรือเนื้อสมัน ( Cervus schomburgki )
8. เลียงผา หรือเยือง หรือกูรำ หรือโครำ ( Capricornis sumatraensis )
9. กวางผา ( Naemorhedus griseus )
10. นกแต้วแล้วท้องดำ ( Pitta gurneyi )
11. นกกระเรียน ( Grus antigone )
12. แมวลายหินอ่อน ( Pardofelis marmorata )
13. สมเสร็จ ( Tapirus indicus )
14. เก้งหม้อ ( Muntiacus feai )
15. พะยูน หรือหมูน้ำ ( Dugong dugon )
***********************************
หมายเหตุ : เหตุผลใน การประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ เนื่องจากกฎหมายว่าด้วย การสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่าที่ใช้บังคับอยู่ในปัจจุบันได้ใช้บังคับมาเป็นเวลานาน มาตร การต่างๆที่มีอยู่ในกฎหมายดังกล่าวไม่สามารถทำให้ การสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่าเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและได้ผลสมดังวัตถุประสงค์ของกฎหมาย ประกอบกับจำเป็นจะต้อง
เร่งรัด การขยายพันธุ์สัตว์ป่าและให้ การสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่าควบคู่กันไป และเนื่องจากปัจจุบันได้มีความตกลงระหว่างประเทศใน การที่จะร่วมมือกันเพื่อสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่าของท้องถิ่นอันเป็นทรัพยากรที่สำคัญของโลก ดังนั้น เพื่อปรับปรุงให้มาตร การใน การสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่าเป็นไปอย่างเหมาะสมและสอดคล้องกับความตกลงระหว่างประเทศ สมควรปรับปรุงกฎหมายว่าด้วย การสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่าเสียใหม่ จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้
( คัดจากราชกิจจานุเบกษา เล่ม 109 ตอนที่ 15 ลงวันที่ 28 กุมภาพันธุ์ 2535 )
|